HOTEL LABARIS KHAO YAI

Architecture

Written by: Ideas Magazine

22 August 2019

Views: 763

ความสนุกของการเดินทางออกสู่ต่างจังหวัดของครอบครัวคือการได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้า และหากโรงแรมเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนไปพร้อมกับการเป็นพื้นที่แห่งกิจกรรมในเวลาเดียวกันโดยไม่ต้องออกไปค้นหาความสุขที่อื่น สถาปัตยกรรมก็ได้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวไปพร้อมการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบ

Hotel Labaris Khao Yai คืองานสถาปัตยกรรมโรงแรมที่เกิดจากความร่วมมือของนักออกแบบหลายแขนง โดยมี CHAT Architect เป็นผู้นำ พร้อมกับ C&C Interiors อินทีเรียร์ดีไซเนอร์, Shma landscape architects ภูมิสถาปนิก, be>our>friend กราฟิกดีไซเนอร์ และ gooodlux lighting design ไลติ้งดีไซเนอร์ เพื่อเชื่อมโยงศาสตร์งานออกแบบรอบด้านและเนรมิตให้เกิดขึ้นจริงภายใต้คอนเซ็ปต์ของดินแดนแห่งเทพนิยาย

คุณฉัตรพงษ์ รื่นฤดีมล สถาปนิกแห่ง CHAT Architect เล่าให้เราฟังถึงที่มาของโรงแรมแห่งนี้ “สิ่งที่ผมอยากจะสร้าง คือ โรงแรมที่มีความหมายสำหรับบ้านเราสำหรับเขาใหญ่ โดยเล่าเรื่องสนุก ๆ ที่มาจากยุโรป เพราะตอนนี้เขาใหญ่กลายเป็นแดนแห่งปราสาทยุโรปแล้ว ซึ่งทำให้สอดคล้องไปกับคอนเซ็ปต์ที่เจ้าของโรงแรมต้องการ นั่นคือ บริบทของโรงแรมเพื่อนบ้านในเขาใหญ่ซึ่งมีกลิ่นอายยุโรป อาคารหินให้เหมือนกับอยู่ในเมืองหนาว และ The Wizarding World of Harry Potter™ ที่ The Universal Studio Japan™”


โถงต้อนรับแบบกึ่งเอ๊าท์ดอร์ เลือกใช้สีเข้มที่ต่อเนื่องมาจากงานสถาปัตยกรรมโดยรวมภายนอก โดยมีหลังคาทรงจั่วช่วยขับเน้นทิวทัศน์โดยรอบให้โดดเด่นขึ้น


ร้านคาเฟ่ที่จำลองเขาวงกตมาเป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบภายใน เพื่อเล่าเรื่องภาพรวมของทั้งบริเวณโรงแรมให้สอดคล้องเข้าด้วยกัน

โจทย์ที่สำคัญของสถาปนิกจึงอยู่ที่การทำให้ความสนุกหลุดโลกเหล่านี้เข้ามาอยู่ในเมืองไทยให้ได้ผ่านการสร้างภาษาการเล่าเรื่องเป็นของตัวเองไม่ซ้ำแบบใคร โดยยังคงกลิ่นอายของเทพนิยายและดินแดนแห่งเวทมนตร์ แนวความคิดของเขาวงกตซึ่งเป็นความคิดต้นแบบของเจ้าของโครงการจึงกลายมาเป็นพระเอกของโรงแรม ตั้งแต่สวนทางเข้าส่วนด้านหน้า และแทรกซึมเข้าไปอยู่ในทั้ง 5 ส่วนของโรงแรมเป็นเหมือนหนึ่งเกมที่ผู้ใช้งานจะต้องพยายามหาทางออกมาให้ได้


(ซ้าย) รูปแบบของงานสถาปัตยกรรมทรงโค้งของหลังคาที่เกิดขึ้นจากบริบทที่รายรอบพื้นที่โรงแรม ทั้งบริบททางพื้นที่ของภูเขาด้านหลังและบริบททางวัฒนธรรมของบ้านทรงไทย
(ขวา) ฟาซาดของส่วนที่พักซึ่งเป็นทรงโค้งแบบสูงเป็นชายคาก่อนเข้าถึงประตูห้องภายใน สร้างมิติให้กับงานสถาปัตยกรรม และใช้ความสูงของเสาเน้นย้ำให้อาคารดูมหัศจรรย์ตามคอนเซ็ปต์



ทางเข้าโรงแรมส่วนหน้าสู่เขาวงกตที่เกิดขึ้นจากการออกแบบแลนด์สเคปของพืชพรรณนานาชนิด



“การจัดผังของโรงแรมแห่งนี้ก็เป็นวิธีที่แปลกใหม่ เพราะมีการออกแบบเหมือนการได้เข้าสู่ดินแดนแห่งเทพนิยาย ตามบทบาทของแต่ละแบบที่แตกต่างกัน บทที่ 1 คือเป็นสวนที่จะมีเนินเล็ก ๆ กับโพรงบ้านของสัตว์ตัวเล็ก ๆ นั่นคือร้านกาแฟ Rabbit Cafe บทที่ 2 จะเป็นตัวโรงแรมที่กษัตริย์พำนักอยู่ ผู้เข้าพักจะได้รับกุญแจเพื่อมองหาบานประตูของตัวเองจากประตูหนึ่งในจำนวนห้องทั้งหมด 48 ห้อง บทที่ 3 จะนำเข้าสู่ Pool Villa ซึ่งเป็นส่วนบ้านที่แยกออกมา แต่ก็ต้องผ่านประตูปริศนาและเขาวงกตกว่าจะเข้าไปถึงส่วนบ้านพัก โดยที่เขาวงกตนั้นได้กลายเป็นวิวส่วนตัวภายในส่วนของวิลล่าได้อย่างลงตัว


สระว่ายน้ำส่วนตัวที่อยู่ในส่วน Secret Village ห้องพักแบบวิลล่าพร้อมห้องนั่งเล่นส่วนตัวขนาดใหญ่

บทที่ 4 คือห้องฉลองของกษัตริย์ นั่นก็คือ ห้องประชุมและร้านอาหาร โดยมีความพิเศษอยู่ที่หลังคาโค้งยักษ์ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของโรงแรม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมวกพ่อมดที่มาต่อกันเป็นขบวน และบทที่ 5 สุดท้ายคือ Infinity Pool เป็นสระว่ายน้ำที่มีกิมมิคเหมือนกับการว่ายน้ำวนเวียนไปไม่รู้จบ”


(ซ้าย) ระเบียงทรงโค้งและโถงบันได รูปแบบงานสถาปัตยกรรมทรงโค้งแบบยุโรปที่ผสมผสานกับหน้าจั่วแบบไทย ๆ
(ขวา) สระว่ายน้ำที่ออกแบบให้สอดคล้องไปกับพื้นที่แหล่งน้ำธรรมชาติ บริบทเดิมของพื้นที่ตั้งโรงแรม


รายละเอียดในการก่อสร้างมีส่วนสำคัญที่ช่วยเล่าเรื่องให้ดินแดนสุดวิเศษเหล่านี้แสดงความเป็นตัวตนของตัวเองได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของหลังคาที่กลายมาเป็นลายเซ็นและสถานที่ที่น่าจดจำของโรงแรม ระเบียงชายคาทรงเว้าโค้งที่ช่วยเสริมให้สถาปัตยกรรมดูมีความเป็นเทพนิยายมากขึ้น รวมไปถึงจุดเล็กจุดน้อยในงานก่อสร้างอย่างผิวสัมผัสของหินที่เป็นความต้องการลำดับแรก ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นงานออกแบบ ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของงานสถาปัตยกรรมเพื่อสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ใช้งาน ที่ตอบโจทย์การออกแบบของโรงแรมให้มีความสนุก หลุดโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ